บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

มหากาฬ ในวันที่เว็บดังใช้คำว่าชาวเน็ต แห้ แล้วก็อบไปแล้วไม่ใส่เครดิต

หลายๆคนคงบอกว่า ก็แค่ก็อบไปจะเอาไปทำอะไรเขา เว็บตั้งใจ ทำให้คนรู้เยอะๆ มันคงไม่ได้รับผลกระทบอะไรหรอก แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะสิครับ มีอะไรอีกไปดูกัน
เสียเครดิต : เรื่องนี้เรื่องใหญ่มากนะ สำหรับคนที่ต้องการเครดิต เวลานำไปเสนองานต่างๆ ให้เขาก็ไม่รับไม่เชื่อว่า งานมาจากคุณ คุณมีฝีมือแค่ไหน
รายได้ไม่ได้เข้าสู่คนที่ผลิต : ยกตัวอย่าง youtube เลยครับ มีผู้คนมากมาย ทำคลิปดีๆ เอาไปลง youtube (หากใครยังไม่รูจะครับ เราสามารถทำรายได้จาก youtube เพียงแค่รายงานตัวตน) แต่มีใครไม่รู้เอาคลิปที่เราอุตส่าห์ทำ ตัวต่อเป็น วันๆ ชื้อโปรแกม ชื้อคอมแรง แล้วมีคนโหลดไป แล้วไปโพสใหม่ ใส่เพจที่มี like เยอะกว่า แล้วเอาไปทำโฆษณา 
ลองคิดดูนะครับ มีคนไปขโมยของคุณอะครับ คล้ายๆกัน แต่อันนี้ต้นฉบับยังอยู่ 

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

แฉ!!!! 3 เหตุผลที่ขายของ Online ได้ถูกกว่าร้านทั่วไป


หลายๆคนคงสงสัยว่าทำไมเว็บดังอย่าง Lazada Cdiscount ถึงขายของได้ราคาถูกกว่าหน้าร้านในระดับหนึ่ง มาดูกันครับ
1. ไม่ต้องต้องมีหน้าร้าน เป็นการลดล่าเช่าไปได้เยอะมาก เช่าแค่ office มาใช้พนังงานอยู่ เพื่อมาบริการลูกค้าก็พอแล้ว
2. ลด Cost ค่าพนังงาน ไหนจะส่วนแบ่ง ไหนจะโบนัสที่จะต้องจ่ายทำให้ จ้างพนังงานน้อยลง เป็นการลดต้นทุนอย่างมหาสารเลยก็ว่าได้
3.ไม่ต้องสต็อกของไว้เยอะ ทำให้บริการต้นทุนไว้ดีขึ้น ไว้แค่โกดังกองกลาง แล้วจ้างบริษัทขนส่งไปส่งตามบ้าน ทำให้ไม่ต้องไปตุนไว้ที่ร้าน สามารถบริหารได้ดีขึ้น
การชื้อของ online มักเหมาะกับคนที่ศึกษาสินค้าตัวนั้น ไว้อย่างดีแล้ว และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหากวนใจ สำหรับคนส่วนใหญ๋ยังชอบที่จะไปสัมผัสของก่อน จ่ายเงินจริงๆอยู่ดี แถมร้านค้า Onlineส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมี 0% อีกด้วย

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

ในวันวันที่ iPad ยอดขาดลดลง แต่ Macbook กลับขายดีขึ้นทุกวัน มันเกิดอะไรขึ้น





คงปฐิเสธไม่ได้ว่า Tablet เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ความบันเทิงดีขึ้นมากมาย เพราะ เบาสะดวก เอาไปไหนก็ได้ แต่คนเราต้องทำงาน จะมี Tablet ตัวไหนที่สามารถทำงานได้ดีๆก็ทำให้ Tablet ก็ลดความนิยมลงไป เพราะ Tablet ตัวเก่ามันดีเกินไป แล้วเราไม่ได้ต้องการอะไรกับมันอีก นอกจากดูหนัง อ่าน Ebook การ์ตูน อ่านเว็บง่าย
หลายๆคนคงเห็นเพื่อนยังใช้ iPad mini iPad 2 และเมื่อถามคนที่ใช้ว่าทำไม่เปลี่ยนเป็นรุ่นอื่น ก็จะมีคนบอกมาว่า Tablet ตัวเก่ามันดีแล้วความต้องการไม่ได้มากขึ้น สักเท่าไหร่ iPhone ก็จอใหญ่ขึ้นทำให้ iPad "เริ่มกลายเป็นลูกเมียน้อย" เพราะ iPhone เริ่มตอบโจทย์มากขึ้น ถ้าใครจำได้ ในช่วงนี้ iPad ขายดีคือช่วงที่ทุกคนบอกว่า iPhone มันจอเล็กไป ทำให้หลายๆคนเริ่มไปจับจอง Secend Screen อย่าง iPad เพราะมันตอบโจทย์ได้ดีกว่า
แต่!! ทำไม Macbook ถึงขายได้ดีขึ้น ขอแยกเป็น 2 ส่วนอย่างแรก คนเริ่มเบื่อ iPad เพราะความสามารถน้อยแต่ก็ยังอยากใช้ Apple เพราะรู้สึกชอบมันแล้ว ใช้งานง่าย ไม่อยากเปลี่ยนระบบ ถึงหันไปดู Macbook air กันเพราะต้องการพกไปไหนมาไหนเหมือน iPad ความสามารถเพียบพร้อม ทำงานได้ แต่ไม่ต้องการหนักมาก อย่างที่สองคือ คนที่กลัว Windows 8 , Windows 8 มันสิ่งที่ต้องการใช้ Leening curve สูงมาก เมื่อคนที่จะเปลี่ยน อาจจะต้องคิดหนัก และอาจจะคิดว่ามาลอง Mac หน่อยดีกว่าจะเปลี่ยนทั้งที
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ตลาด Notebook ได้ไทยเติมโตขึ้นในขณะที่ตลาด Tablet เริ่มตกลงอย่างเห็นได้ชัด ใบขณะที่คนที่รู้จักกันที่ถือ iPad 2 หรือ iPad mini ตัวแรก เมื่อลองไปคุยพบว่าสินค้า it ตัวต่อไปของไม่ใช่ Tablet แต่เป็น โทรศัพท์รุ่นใหม่ หรือ Ultrabook ตัวใหม่และดูท่าทางแล้ว คงยังไม่เปลี่ยนง่ายๆแน่ถ้ามันยังไม่พัง ผมว่ามันเริ่มถึงจุด "อิ่มตัว" ของ วงการ Tablet แล้ว แถมใน Notebook ตัวใหม่ๆ ก็ยังมีการเปลี่ยนรูปร่างเป็น Tablet ได้อีก ต้องดูว่าตลาดนี้จะทำให้อนาคต Ultrabook ดีขึ้นหรือไม่  ต้องรอดูกันต่อไปว่า ตลาดนี้จะหดถอยลงเรื่อยๆหรือไม่ ต้องคอยติดตามกันครับ

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

โลกกล้องจะเป็นอย่างไรเมื่อ Sony A7II สมบูรณ์แบบมากเกินไป


ทุกคนรอบตัวผมที่ซื้อ Sony A7II ใช้, ไม่มีใครติดตามข่าวเปิดตัว Nikon D810 / Canon EOS 5Ds หรือ 5Ds R อีกต่อไป และยอดขาย DSLR ในประเทศโลกที่ 123 ปลาฉลามขึ้นบก อย่าง UK / USA ก็สะเทือนอย่างหนัก
ใครที่ตามข่าวนอกโลก, คงทราบดีว่า Sony ฟันกำไร 93% ของตลาดกล้องไว้เพียงผู้เดียว
ในขณะที่ Nikon / Canon / Panasonic / Olympus / Fujifilm มีกำไรให้แบ่งกันแค่ 7%
เหตุผลที่ผมคิดคือ เพราะ Sony A7II มัน “สมบูรณ์แบบจนเกินไป”
จนสงสัยเหมือนกันว่าแล้ว Sony A9 จะเปิดตัวมาแบบไหน และวงการกล้องจะเป็นเช่นไรในอนาคต ?
คำว่า “Sony A7II สมบูรณ์แบบจนเกินไป” แปลว่าเราไม่มีเหตุผลใดในการใช้ DSLR อีกแล้ว
[ยกเว้นคนที่ต้องการกล้อง DSLR ราคาถูก โดยไม่เน้นคุณภาพ, ซึ่งกำลังจะเป็นตลาดใหม่ของกล้องจีนอย่าง Seagull CM9]
Week ที่แล้วผมอ่านข่าวจาก KaiiHuaroh ว่าด้วย “Why i left DSLR for the Sony A7II”, หรือก็คือ “ทำไมเราจึงทิ้งทั้ง DSLR ทั้งหมดมาหา Sony A7II″
แน่นอนครับว่า Mirrorless เหนือกว่า DSLR แบบขาดลอย
ในแง่คุณภาพของเซ็นเซอร์และเลนส์ รวมไปถึงความเบาของเครื่อง
และด้วยความที่ Sony ออกรุ่นน้อย, จึงทำงานร่วมกับ Computer หรือ Device อื่นๆ ได้ดี
[ผมเคยใช้ Nikon D700, ไม่สามารถ Pair กับรถ Koenigsegg และ Wireless Flash ของ Canon ได้]
นอกจากนี้ Sony A7II ยังเป็น “กล้องดีที่สุดในโลก [หากไม่นับ Leica]“
ยังไม่รวมเรื่อง Design & Material
[ผมขอเพิ่มอีกข้อ คือ Sony Products ทุกตัวมีศูนย์บริการกับการรับประกันที่เหนือกว่า, หากซื้อจาก Sony Store จะมาพร้อม "ประกันเพิ่มอีก 3 เดือน" เปลี่ยนเครื่องว่องไว ไร้ปัญหา Drama ตาม Standard ประเทศโลกที่ 123 ปลาฉลามขึ้นบก]
หากเป็นก่อนหน้านี้, เรายังมีเหตุผลที่เลือกซื้อ DSLR ใช้
นั่นคือ “DSLR มีเลนส์ใหญ่” ในขณะที่ Mirrorless เลนส์เล็ก
จนกระทั่งถึงยุค Sony A7II ของ Kazuo Hirai
หลังจากนั้นมา, รู้สึกได้ชัดเจนว่าข่าวเปิดตัว DSLR รุ่นใหม่ๆ เงียบมาก…
ในปี 2014, Bloomberg ก็เคยพยากรณ์ถึงการล่มสลายของ Agfa/Konica เพราะ Sony A7II มีเซ็นเซอร์ใหญ่ไว้ล่วงหน้าใน Article ที่ชื่อว่า “6 เหตุผลที่ Sony A7 ไม่หวาดกลัว iPhone 6“
ดูเหมือนผลจะออกมาจริงตามนั้น
และผมก็เชื่อว่าขนาดเซ็นเซอร์ของกล้องดิจิตอล ได้มาถึงขีดจำกัดโดยขนาดของฝ่าเท้ามนุษย์
ไม่มีความจำเป็นต้องแข่งกันขยายขนาดอีกแล้ว
สิ่งที่ยืนยันได้ชัดก็คือตัว Sony Products เอง, ยอดขาย Sony A7II สูงกว่า Sony A900
ด้วยเหตุผลทั้งปวง, ทำให้ข่าวเปิดตัว Canon 5D Mark IV / Nikon D5 เงียบหาย…
และไม่มีเหตุผลอะไรที่ผู้ใช้งาน Sony A7II จะต้องให้ความสนใจกับ DSLR อีกต่อไป
รวมทั้งผมก็เช่นกัน
ในแง่ Hardware & Handset, ผมคิดว่ากล้องดิจิตอลเพียงรุ่นเดียวที่น่าสนใจว่าจะดีกว่า Sony A7II ได้อย่างไร
นั่นคือ Sony A9 [หรือ Sony A7IIs]
ซึ่งสุดท้ายแล้วอาจไม่เหนือกว่าก็ได้ [หรือไม่สามารถเหนือไปกว่านี้ได้แล้ว...]
นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมช่างภาพมอเตอร์โชว์เริ่มหันเหความสนใจจาก Sony A9 ไปเป็น Devices & Services ใหม่ๆ อย่าง Sony Play Station 5 และ Sony Xperia Z4, เพราะช่างภาพเหล่านี้เองก็รู้ว่า “Sony A7II สมบูรณ์แบบจนเกินไป”
ผมเคยเขียน Blog ไว้ถึงขั้นที่ว่า โลกถ่ายภาพจะ “แบ่งชั้น” กันอย่างชัดเจนขึ้น
คือ Mirrorless เท่านั้นจะทำยอดขายในตลาดบนได้, ส่วน DSLR จะราคาต่ำลงไปเรื่อยๆ
ส่วนตัวผมซึ่งไม่ค่อยสนใจในเรื่องการแข่ง Spec บนกระดาษหรือตัวเลข Pixel, คิดว่าตลาดกล้องดิจิตอลในปี 2015 กลับจะเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีกในแง่ Business จากฝั่งจีนและการแข่ง Apps & Ecosystem
ทิ้งท้าย, ผมพยากรณ์ว่า Brand ผู้ผลิต DSLR บางรายที่เคยยิ่งใหญ่จะต้องตายไปจากโลกนี้ก่อนสิ้นปี 2115
โดย น้าป๋วย TecXcite
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คือตอนนี้ตัว mirrorless มันมาแรงจริงๆครับคนรู้จักหลายคนเปลี่ยนจาก DSLR มาเยอะมาก เพราะนำ้หนัก คุณภาพแจ่ม ไม่ใช่ปัญหา ราคารับได้ ที่สำคัญ workflow สั้นไม่ต้องวุ่นวาย (เมื่อถึงในระดับนึงจะไม่ได้ต้องสิ่งที่ดีที่สุดแต่ต้องการ สิ่งที่ทำให้ชิวิตง่ายที่สุด)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แต่ mirrorless ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดี ข้อที่ไม่ชอบของผมอย่างแรกคือแบต แต่ 1 ก้อนสามารถถ่ายได้ประมาณ 300 รูป แต่ในขณะที่ DSLR ส่วนใหญ่ได้มากกว่าเพราะเรื่องขนาด และไม่มีช่องมองครับ ช่องมองเป็นสิ่่งที่ทำให้ผมคิดหนักกว่าเรื่องแบต เพราะมันเป็นฟิลลิ้่งในการถ่าย แต่ภายในอีก 10 ปีมันจะหายไปครับ เพราะจอจะมาถูกทดแทนมากขึ้น ประหยัดแบตมากขึ้น ดูในที่กลางแจ้งได้ดีมากขึ้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายแล้วผมขอสรุปดังนี้ครับ สำหรับใครที่ต้องการเปรียบเทียบระหว่าง Mirrorless กับ DSLR ผมขอสรุปดังนี้ครับเป็น 4 หัวข้อ
DSLR กับ Mirrorless มันต่างกันยังไง??
ทั้ง 2 อย่างต่างกันเพียง กระจกสะท้อนครับ DSLR มีกระจกสะท้อนภาพเข้าช่องมองภาพ ทำให้ DSLR ช่องมองภาพสมจริงกว่า Mirrorless แต่ต้องแลกมากับ Body ที่ใหญ่ขึ้น ส่วน Mirrorless จะไม่มีช่องมองภาพ แต่ทำไหม Mirrorless บางตัวถึงมีช่องมองภาพละ?? ก็เพราะว่ามันเป็นแบบ EVF หรือ Electronic Viewfinder เสมือนจอเล็กเล็กๆที่อยู่ในช่องมองภาพ ซึ่งก็เสียมันก็คือ ภาพอาจจะไม่สมจริงเท่า OVF แบบ DSLR และ กินพลังงานมากกว่า
ด้านการใช้งาน แตกต่างกันยังไง
สำหรับด้านการใช้งานก็เห็นชัดเจนเลยครับ DSLR Body จะใหญ่กว่าทำให้สามารถ จับถือได้สะดวก แต่แลกมากกับน้ำหนักที่ค้อนข้างสูง แต่ก็มีข้อดีเหมือนกันนะเพราะว่า น้ำหนักเยอะจะทำให้เราสามารถถือกล้องได้นิ่งขึ้น และ Body ใหญ่ทำให้สามารถกดปุ่มควบคุมได้รวดเร็วกว่า แต่ Mirrorless มี Body ที่เล็กทำให้อาจจะถือบไม่ถนัดเท่า แต่แลกมากับน้ำหนักที่เบาพกพาสะดวก User ทั่วๆไป ก็ไม่จำเป็นที่ต้องรวดเร็วแบบ DSLR
ด้านไฟล์ภาพละ แต่งต่างกันยังไง
กล้องทั้งสองชนิด มีหลักการทำงานใกล้เคียงกันต่างกันเพียงช่องมองภาพ เพราะงั้น ไฟล์ภาพเหมือนกันครับ แต่จะต่างกันตามเอกลักษณ์ของแต่ละยี้ห้อเช่น Cannon ถ่ายคนสวย Nikon ถ่ายวิวสวย อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุุคคลครับ สำหรับคนที่จะซื้อ Mirrorless ก็ไม่ต้องกลัว ไฟล์ภาพใกล้เคียงกันครับ
ดีไซน์กล้อง
อันนี้แตกต่างกันชัดเจนเลยครับ ฮาๆ Mirrorless มีดีไซน์ที่แตกต่างที่สวยกว่า(ความคิดเห็นส่วนบุคคล) โดยเฉพาะ Fujiflim ที่ให้หน้าตากล้องแบบสมัยเก่าๆ แต่ฟีเจอร์ข้างในอัดแน่นมาเต็มๆ ข้อดีอีกหนึ่งข้อก็คือ ใช้ Mirrorless แล้วมีคนทักมีคนมอง หรือเป็นมิตรมากกว่านั่นเอง เช่น ไม่ว่าไปถ่ายที่ไหนกล้อง Mirrorless ให้อารมณ์ถ่ายเล่นๆมากกว่า DSLR ที่ออกแนวดูทางการมากกว่า
ผมคิดว่าแค่นี้น่าจะสรุปกันได้ครับว่าต้องการอะไรกัน

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

เหตุผลที่ Windows Phone ยังเหนือกว่า IOS และ Android



ก็กลับมาพบกับเป็นประจำแบบนี้นะครับ (ประจำแบบตามอารมณ์เขียนเรื่องกวนตีนๆ หรือวิเคราห์แบบไม่เป็นทางการในอยากหาสาระไปดูที่ได้ www.mf-edge.com ) ชึ่งวันนี้มาในหัวข้อ เหตุผลที่ Windows Phone ยังเหนือกว่า IOS และ Android  มาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง
1.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

.
.
.
.
.
.
.
.

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

เออ.... คิดไม่ออก 
.
.
.
.
.
ออรู้ละ Microsoft office มันดีกว่า IOS และ Andriod (ชึ่งตอนนี้ ios และ android update บ่อยกว่า)
2. ตาหน้ามันเหมือน Windows 8 ไม่ต้องเรียนรู้มาก (มีใครใช้ Windows 8 บางครับ?) 
3. ... คิดไม่ออก 

4.นึกออกละ กล้อง Lumia 1020 41 ล้านดีที่สุดในกล้องมือถือ ชึ่งก็นะ .... 
5. มีการ % Support การ Support มากกว่า Andriod (อันนี้ขอบ่นหน่อย โทรศัพท์ไม่ up version ก็ยังใช้ได้ตอนนี้ยังใช้ android 2.2 อยู่เลย )  

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

สรุปงาน Sping Forward



ขอสรุปงาน Apple 
สิ่งที่ Apple พูด/เน้น
macbook (retina)
Core m ram 8GB จอ 2k ใช้ ssd เริ่มต้น 256 GB 
สิ่งที่ชอบ : เริ่มแรกเปิดมา เห้ยว้าวมาก สวยชอบ 
สิ่งที่ไม่ชอบ : แต่พอมาดูจริงๆ ความน่าสนใจ เริ่มลดลงไปตั้งแต่ usb type-c มีมาให้ช่องเดียว แล้วก็มีหูฟังอีกอันจบ เวลาจะเชื่อมอะไรนี่แทบไม่ได้ ต้องชื้อสายเชื่อมอีก 3,000 ต่อ HDMI usb แล้วก็ที่ชาจแค่นั้น  
แล้วราคาตอนนี้อีกว่าจะกด ไปตำกว่า 40,000 แล้วเอาตัว air 11 ลงไปเหลือ สัก 27,990 แต่นี่ไม่ราคาเท่าเดิม กล้องไปใช้ 480P ชึ่งกากมาก 
ทำไม macbook (retina) ถึงเริ่มต้น 256 GB ? : ถ้ามันตำ่กว่านี้ราคาจะมาตีกับ macbookair อย่างชัดเจน apple ได้ไม่ทำ 
macbook (retina) เหมาะกับใคร?  : เหมาะกับคนที่ใช้แต่ cloud service มากๆ เพราะมันไม่มีรูอะไรให้เสียบมากนัก ขนาด Tunderbolt ที่ apple ดันนักนา มันยังไม่มาเลย (แม้แต่อุปกรณ์เสริม) , พวกที่ส่วนใหญ่ใช้งานบนเครื่อง ต้องการ notebook แล้วก็พวกที่ไม่ได้ต้องการเอาไฟล์มา Rander งานแบบโหดๆ ก็ต้องการเข้าถึงไฟล์ด้วยเร็ว 
คู่แข่ง : yoga pro 3 กะ suraface pro 3 ตัวแรก สเปคแทบไม่ต่างแต่จอสัมผัสแถมราคาแพงกว่า ส่วน surface pro 2 จอ 2K เหมือนกัน เทียบกันคงต้อง i5 ram 8 GB ssd 256 ชึ่งราคา ก็ พอๆ กับแถมได้จอสัมผัสแถมแรงกว่า ในความรู้สึกตอนนี้เคยไม่น่าสนเลย ขอตังไปลง macbook air 11 นิ้ว แล้วใส่ ram 8 GB ไปเลยดีกว่าสำหรับคนไม่เน้นเรื่องจอ 
ชื้อไหม : ไม่ชื้ออะ ไม่ชื้ออะ ไม่โดนหลายอย่าง แล้วก็ไม่มีความกังวงกระวายที่อยากจะได้ด้วย
Apple watch 
สิ่งที่หลายๆ คนอยากได้ แต่ราคาก็บรม ในระดีบนึงถามว่ารับได้ไหม ได้ แต่ถ้าชื้อคงคิดหนัก เพราะตัวที่ชอบไปอยู่ที่ 36,000 ก็คงไม่ลงทุกขนาดนั้นอะ เอาไปชื้อ imac ดีกว่า สุดท้าย นาฬิกายังไงก็คือนาฬิกา เอามาดูเวลาให้มาเล่นแทน iPhone ก็ยังไม่ใช่ 
สิ่งที่ชอบ : มันอยู่ในแผนกเครื่องประดับ ชึ่งมันถูกต้องแล้ว ไม่อยากให้เป็นแบบ Geek เกินไปแบบพวก Android Wear 
สิ่งที่ไม่ชอบ : มันหลากหลายเกินไป ทำให้งงมากๆ แล้วแต่ละตัวไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ (ตาดว่าหลายคนอาจจะบอกว่าแพง ชึ่งอย่างที่เกริ่นไปแล้ว มันเป็นเครื่องประดับ ฉะนั้นจะขายเท่าไหร่ก็ได้ ตามความพอใจ มันไม่ใช้ Android Wear ที่ขายกันในราคา ไม่เกิน 12,000 ชึ่งกับเท่ากับ Apple watch ตัวเริ่มต้น) แล้วก็มีตัว Apple watch โทรได้อืม.... ยกแขนเอามือมาไว้ต้องหูใครจะทำ ส่วนฟังชั้นไม่ขอพูด สิ่งที่ชื้อมาใช้คือ นาฬิหามันก็ยังคือนาฬฺกาไม่ใช่ smartwatch
ขู่แข่ง : Moto 360 LG G Watch Urbane แล้วก็ lolex นาฬิกาแพงๆ ทั้งหลายเตรียมตัวครับ
รู้สึกว่า Apple Watch ไม่น่าใช้เลย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าน่าจะขายดีมาก ... ขอให้คำนี้ 
Apple TV งงกับการ  ที่มันลดราคาจากการที่ Apple ไม่ได้ทำอะไรมันเลย 3 ปี (ไม่รวมถึงเปลี่ยนราคาเล็กน้อยนอกสหรัฐ) ชึ่งรอบนี้ลดไปเลย $30 แปลกเหมือนกัน apple ไม่คงติดสินค้าทีละ 30% 
สรุป
สิ่งที่ Apple ไม่ได้พูดถึงมากนัก 
Macbook air - เปลี่ยน เป็น intel gen 5 ก็ดีขึ้นแถมการ์ดจอเร็วกว่า macbook (retina)อีก แต่มันก็ยังเป็นตัวที่หน้าใช้อยู่ดีเพราะราคาไม่แพงมากสักเท่าไหร่ 
macbook pro retina 13 นิ้วส่วนตัวคิดว่าเป็นตัวที่ แม้งเป็นพระเอกขี่ม้าขาวที่ไม่กล้าออกมาประเชิญมากๆ เพราะ Apple ไมไ่ด้พูดถึงแต่สิ่งที่ Apple ทำคือพัฒนาหลายด้านมาก เช่น touch pad เป็นแบบใหม่ ชึ่งสัมผัสดีกว่าเดิม CPU เร็วขึ้นไม่มาก แต่ประหยัดพลังงานขึ้น 10% ram สีประสิทธิภาพมากขึ้นใช้ 1866 MHz อะ (ตัว15นิ้วยังเป็นตัวเก่า) แต่ที่แบบอยากได้มากๆ คือตัว SSD มันเร็วกว่าเดิมมากๆ เป็นอะไรที่โครต Improve และคาดกว่าตัวนี้แหละจะทำให้ดีกว่าเดิมๆมากๆ  ถึงแม้รูปร่างยังไม่เปลี่ยน
Macbook pro retina 15 นิ้ว น่าผิดหวังเล็กๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 

macbook (retina) ยังน่าสนใจถ้า จอ retina อยู่แล้วแต่ไม่อยากหนักก็น่าสนใจ แต่อย่างอื่นยังไม่เคยโดน
macbook air เปลี่ยนให้นิดหน่อย คุ้มค่ายิ่งขึ้น
macbook pro retina 13  คุ้มค่า คุ้มราคากับการเปลี่ยนแปลง มากกับสิ่งที่เพิ่มขึ้น 
macbook pro retina 15 ไม่เปลี่ยนแปลง ชึ่งก็นะ มันแรงอยู่แล้ว 
Apple watch ถ้าตังเหลือเยอะ ชื้อก็ไม่มีปัญหา ก็น่าโดน ชึ่งอย่างที่บอก ยังไงก็ขายได้ 

Apple TV ก็ดีลดราคาแต่ Apple ไทยขาย 3300 อเมกาขาย 2100 

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

ทำไมต้องชื้อ โทรศัพท์เร็วแรงแพง

หลายคนก็คงตั้งคำถามกันนะครับ อย่างพ่อแม่ทำไมต้องชื้อโทรศัพท์ราคา 20,000 ไร้สาระ 5000 ก็ใช้ไ้เหมือนกัน ผมอยากให้เปรียบเทียบแบบนี้ครับ การที่ใช้โทรศัพท์เร็ว ก็เหมือนการเอาเงืนมาชื้อเวลาให้มันไปเร็วๆ ขึ้น เวลาคุณคิดว่าเวลาของคุณไม่มีค่าก็เชิญครับ ชื้อไปเลย แล้วบางครั้งไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่ใีการบริการเข้ามาเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างของ LG สำหรับเครื่องที่แพงหน่อยจะขยายเวลาประกันเป็น 18 เดือนเวลามีปัญหา มีเครื่องสำรองให้ใช้  พวกนี้หมือนการใช้เวลานะ "บางอย่างการบริการก็สำคัญกว่าราคา" จริงๆ นะครับ
มาถึงเรื่องทำไมต้องใช้ 4G มันก็ใช้ได้เหมือนกัน อยากให้เทียบแบบว่า การไปเชียงใหม่ เดินไปก็ถึงเหมือนกัน ขับรถไปก็ถึงเหมือนกัน นั่งเครื่องไปก็ถึงเหมือนกันแต่มันต่างที่เวลาและความเหนื่อยครับ
การที่คุณมีเทคโนดลยีที่ดีแล้ว ทำไมคุณไม่ยอบใช้ให้มันคุ้มค่าของมันละ อย่างทุกวันนี้ harddrive ผมเป็น USB3.0 ชึ่งมันทำให้เวลาผมทำงานรวดเร็วมากๆ ลืมไป USB2,0 ไปเลย โบนไฟล์ 100 GB ในเวลาครึ่งช่วโมงนิดๆ ถ้าเป้น USB2.0 ใช้เป้นวันครับ ผมขอใช้คำว่า ชื้อเวลา ครับ มันสะดวกมาก เวลาโยนไฟล์ โยนไฟล์ 10 GB ในเวลา 2 นาทีโครตสุดยอด
สรุป
ถ้าคุณมีสตางพอ แนะนำลองหาเทคโนโลนีมาใช้ มันจะทำให้คุณได้ประโยชน์จริงๆ ครับ คุณไม่ตำเป้นต้องชื้อของที่ดีที่สุด แต่คุณชื้อของที่มันเหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุด ไม่งั้นผมคงต้องชื้อของใหม่ทุก เดือนแล้วแหละครับ


วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558

EXPERIANCE

     ตอนนี้แรกว่าดครื่องต่อไปน่าจะเป็น Note แต่พอมาดูอันนี้แล้วมันก็จริงแหะเพราะ ไม่เคยดูสเปคว่ากี่ Core ram เท่าไหร่ จริงๆ ดูแค่รูปร่างลักษณะ ราคารับได้ ก็พอใจ
         หลายๆคนดูสเปคนะแต่สเปคมันไม่ใช่ทุกสิ่งบางเครื่องแม้ง CPU แรงมาก แต่ทำระบบมาไม่ดี ก็ไร้ค่า เกมไม่รองรับ สเปคแรง ไปใช่ว่าจะดีฉะนั้นต้องดูหลายส่วนประกอบกัน ทั้งบริษัที่ทำระบบว่า ok ไหม เวลามีปัญหามาแก้ตรงนี้เลยไหม
         หลายๆ คนอาจจะดูโทรศัพท์เพราะราคาถูก แต่โทรศัพท์ราคาถูกนั้นสิ่งที่เขาทำคือตัดค่า service ออกไปหรือบริการหลังการขาย อย่าง Asus เป้นต้น เครื่องถูกจริง แต่ปัญหาการเครมช่อมก็เยอะมาก แถมกว่าจะช่อมเสร็จถ้าโชคดี ก็ 2 อาทิตย์ ถ้าโชคร้ายก็ 2 เดือน+ ในขณะที่เคยใช้บริการของ Samsung ที่เสียบตูดสายเสีย (ยังอยู่ในประกัน เอาไปที่ Samsung เขาบอกว่า จะเอาเครื่องไว้ที่นี่ก่อนก็ได้ แต่ของต้องสั่งประมาณ 1 อาทิตย์ เราก็ ok แต่เพราะเราต้องใช้เครื่องเลยเอามาเครื่องกลับมาก่อน แล้วอีกอาทิตย์นึงไปศูนย์อีกครั้ง พบว่า ช่างบอกรอ 2 ชั่วโมงรอรับได้เลย เราก็ ok เพราะไม่อยากเอาเครื่องไว้นาน แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันคือ เขาไม่ได้เปลี่ยนแค่ตูดที่ชาจให้ แต่รู้สึกเหมือนเขาเปลี่ยนกรอบอะไรให้สักอย่าง (ทั้งหมดฟรี)
          เวลาใช้งานก็เหมือนกัน Samsung ทำให้มีควาสุขมากนะกับการแลกของกิน นู่นนี่ แม้งเยอะเต็มไปหมด ในขณะที่ยี่ห้ออื่นไม่มี (Samsung เมื่อเทียบแล้วเครื่องแพงกว่าแต่มีพวกของแลก แถมบริการ หลังการขายติด Top 3 ในใจ (อันดับ 1 ก็ยังคง Apple มี Support ตลอด เครมใช้ได้ อันดับ ที่ 2 ขอยกให้ LG กล้าพูดกว่าดีไม่เป้นรองใครในกลุ้ม Android)
          สุดท้ายคนตัดสินใจคือคนที่อ่านว่าจะลงทุนเสี่ยงกับ เครื่องถูกกับหวังบริการเอาทีหลัง และ เครื่องอาจจะแพงกว่าหน่อยแต่มี Service ดี ชึ่งแน่นอนเขาเลือกอันหลัง เพราะไม่อยากเอาเวลา เที่ยว ทำงานมาเสียเวลากับอะไรที่ไม่ใช่เรื่องอะ  
         และสุดท้ายของสุดท้าย เลือกในสิ่งที่คิดว่าจะเหมาะสมกับสิ่งที่จะใช้ การชื้อโทรศํพท์รุ่นนั้นแปลว่าคุณได้ยอมรับข้อเสียของสิ่งที่ชื้อได้แล้ว ไม่มีอะไรสมบูรณ์ หรอก ไม่ว่าจะเป้น iPhone 6 , S6 , Note 4 , G3 , Z3
        และสุดท้ายของสุดท้ายขอพูดเลยว่ามันอยู่ที่การใช้งานว่าชื้อในสิ่งที่เหมาะสมกับเราจริงๆ
ปล 1 การที่ไม่ใช้ ทั้ง 2 ระบบมันเป้นอะไรที่ขาดสมดุลมาก แต่จะเลิอกอะไรมากกว่า อย่างตอนที่อยากได้ Tablet สักตัวนึงมันเป็นอะไรที่คิดหนักมาก เพราะ ปกติใช้ iPad มาก่อนแต่ หลายๆมันไม่เอื้ออัำนวยมากๆ ชึ่งก็เลือก Note Pro มา มันไม่ทำให้ผิดหวังจิงๆ (ถ้าไม่นับเรื่องขนาด)มันช่วยมในการ Short Note , serch หาข้อมูลเพื่อทำรายงาน ดึงปากกาออก แม้ง Short note ได้เลย อะแล้วสามารถแยก 4 จอ แม้งโครตเจ๋งกว่า iPad เยอะตอนนี้ไม่นึกถึง iPad แล้วมันเป้นอะไรที่ไม่น่าเล่นมากๆ แต่ถ้าคุณยังต้องการสิ่งที่ไม่ต้องคิดมาก ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ผิด
ปล 2 ทำไมยังเลือก iPhone และทำไมยังเป็นตัวเลือกแรกที่หลายๆ คนคิดถึง เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่โทรศัพท์ไง มันเหมือนสิ่งที่เข้าไปในการใช้ชิวิต กับมันเราต้องการอะไรกับ มัน entertainment เล่น เฟส ลาย ig ฟังเพลง มันจบแล้ว ใครแม้งบ้าเอามาทำงาน บน iPhone เคยใช้นะ ทรมาน
ปล 3 ระบบโลกที่ 3 ฺBB Windows ถ้ามันไม่มีสิงที่คนต้องการอย่างเช่น line เฟสแบบสมบูรณ์แบบ นำไปอวดได้ว่า นี่แม้งโครตเจ๋ง ก็ยังไม่มีคนชื้อหรอก
        IPHONE 6 – WORLD GALLERY – คอนเทนต์ชั้นยอดในการขายของโดยไม่ต้องคุยเรื่องคุณสมบัติ

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

วอน อย่าปิดโฆษณาบน YOUTUBE

วอนอย่าปิดโฆษณาบน YOUTUBE 

การมาของโฆษณา ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่จะสร้างความรำคาญให้กับหลายคน เพราะเดิมไม่มีโฆษณา ได้ดูคลิปกันฟรีๆ ชิวๆ

ส่วนตัวผมได้รู้จักกับหลายคนที่ทำคลิปบน YouTube อย่างจริงจัง ซึ่งก็น่าดีใจที่พวกเขาจะมีรายได้เข้ามาบ้าง จากเดิมที่ไม่ได้อะไรเลย แต่สำหรับใครที่พยายามหาวิธีปิดโฆษณาบน YouTube ถ้าอ่านอยู่ก็อยากขอความเห็นใจสักนิด 

ความสะดวกของท่านแลกมาด้วยรายได้ให้กับคนทำงานหลายต่อหลายคน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากขอให้ใช้บริการในแบบปกติ โฆษณานิดๆ หน่อยๆ อาจจะรำคาญบ้าง แต่ให้คิดซะว่าทุกนาทีคือรายได้ที่เข้ามาให้คนทำงานสร้างสรรค์คลิปต่อไปจ้า

เชื่อว่าถ้าคนทำคลิปมีรายได้ ก็ย่อมมีพลังและกำลังใจทำคลิปให้ดีขึ้นๆ ไปกว่าเดิม ผลประโยชน์ก็จะตกที่คนดู และด้วยวงจรนี้ทุกฝ่ายก็จะ Happy กันทั่วหน้าจ้า